สาระน่ารู้ เกี่ยวกับ UVC
หมวด UVC
ความรู้เกี่ยวกับรังสีอัลตราไวโอเลต ( UV ) |
|
|
รังสีอัลตราไวโอเลต ( Ultraviolet Radiation : UV ) |
|
|
การใช้หลอดอัลตราไวโอเลต ในการฆ่าเชื้อโรค |
|
|
ลักษณะใช้งานฆ่าเชื้อโรคด้วยหลอดรังสีเหนือม่วง |
|
|
การประยุกต์ใช้งาน (Applications) |
|
|
คุณสมบัติที่ดีของเครื่องฆ่าเชื้อโรคในน้ำด้วยแสงยูวี | | |
|
| |
|
รังสีอัลตราไวโอเลต ( Ultraviolet Radiation : UV ) |
เป็น คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าความถี่สั้น ช่วงต่อจากแสงสีม่วง(ระหว่างVisible Spectrum กับ X-ray) เป็นรังสีที่ตาคนมองไม่เห็น และไม่สามารถรับรู้ได้อย่างคลื่นรังสีอินฟราเรด(IR) เราแบ่งเป็นสามประเภท ดังนี้ |
|
|
1. |
UV-A ช่วงความยาวคลื่น 315 - 380 nm เป็นรังสีUVที่ไม่ค่อยมีอันตรายมากนัก สามารถนำ มาใช้เป็นประโยชน์ได้หลายด้าน โดยเฉพาะทางด้านเคมี, ฟิสิกส์ |
|
|
|
|
2. |
UV-B ช่วงความยาวคลื่น 280 - 315 nm มีผลต่อร่างกาย และสิ่งของได้ ก่อให้เกิดการไหม้ของผิวหนัง(Sunburn or Erythematic) และการอักเสบของตาดำ ได้ แต่มีคุณประโยชน์ในการรักษาโรคผิวหนังบางชนิดได้ รวมถึงการประยุกต์ ในงานอุตสาหกรรมเคมี |
|
|
|
|
3. |
UV-C ช่วงความยาวคลื่น 100 - 280 nm เป็นรังสีที่มี อันตรายต่อร่างกายได้อย่างรุนแรง เช่น ผิวแดงไหม้เกรียม (Erythema) หรือ เยื่อบุตาอักเสบ(Conjunctivitis) ซึ่งเราประยุกต์มาทำ ประโยชน์ในการฆ่าเชื้อโรคได้ | |
|
** รังสี UV ทุกชนิด ควรระวังไม่ให้ถูกผิวหนังหรือตา อย่างต่อเนื่อง ** | | |
การใช้หลอดอัลตราไวโอเลต ในการฆ่าเชื้อโรค (Disinfection by UVGI Lamp - Ultra-violet Germicidal Irradiation) |
ในทางปฏิบัติ การฆ่าเชื้อโรคด้วยการฉายรังสี UV-C ขึ้นกับสององค์ประกอบหลัก คือ |
|
|
1. |
ความ ลึกในการแทรกซึม (Depth of Penetration) ของรังสีUV-C ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่สำคัญมาก เนื่องจากรังสี UV มีขีดจำกัดในการแทรกซึมผ่านวัตถุ (ยกเว้นนํ้าและของเหลวบางชนิด) เพราะผิวชั้นนอกของวัตถุจะดูดซับรังสีเอาไว้ |
|
|
|
|
2. |
อันตราย จากรังสีต่างๆ (Possible Hazardous Effects of Such Radiation) ผู้ที่รับการฉายรังสีไม่ควรได้รับรังสีมากไป แต่อย่างไรก็ดี การใช้รังสี UV-C ซึ่งได้จากหลอดฆ่าเชื้อโรคนั้น ก็มีข้อควรสังเกต ดังนี้ : |
|
|
- |
UV-C ต้องถูกเชื้อโรคโดยตรงเท่านั้น ถ้าเชื้อโรคซ่อนอยู่ในเงาของวัตถุ เชื้อโรคนั้นจะไม่ตาย |
- |
UV-C จะต้องถูกเชื้อโรคเป็นระยะเวลานานพอ (นานแค่ไหนขึ้นอยู่กับชนิดของเชื้อโรค) จึงจะสามารถฆ่าเชื้อโรคได้ ซึ่งเชื้อโรคบางชนิดทนต่อรังสี UV-C ได้นานมาก |
- |
UV-C ถูกดูดซึมได้ง่าย จึงควรใช้ในที่อากาศแห้ง เพราะจะมีประสิทธิภาพดีที่สุด และใช้ขนาด Dose น้อยที่สุด ถ้าใช้ในอากาศชื้นมากๆ ต้องใช้ขนาด Dose เป็นสองเท่า ถ้าใช้ในน้ำดื่มธรรมดาจากนํ้าก๊อก อาจต้องใช้ขนาดมากถึงสิบเท่า |
- |
การใช้หลอดUV-C ควรระวังไม่ให้ถูกตาและผิวหนังของคนโดยตรง (ถ้าสะท้อนจากผนัง ก็ต้องคอยระวังไม่ให้นานเกินไป) | | | | |
ลักษณะใช้งานฆ่าเชื้อโรคด้วยหลอดรังสีเหนือม่วง |
|
1. |
การฆ่าเชื้อโรคในอากาศ (Air Disinfection) ทำ ได้ 4 วิธีคือ |
1.1 |
ติดหลอดUV ไว้บนเพดาน (Ceiling-mounted UV Lamp) รังสีกระจายทั่วไป ใช้ในเวลาปลอดคน |
1.2 |
ฉายรังสีสู่อากาศด้านบนของห้อง (Upper-Air Irradiation) โดยใช้โคมหันขึ้น ไม่ส่องลงมาสู่ตาคน |
1.3 |
ฉายรังสีใส่อากาศที่พื้นห้อง (Floor-Zone Irradiation) ด้วยโคมชนิดหันลง เพื่อฉายรังสีใส่อากาศที่พื้น |
1.4 |
ในท่ออากาศหรือท่อลม (Air-Ducts) เหมาะสำ หรับสถานที่มีระบบปรับอากาศ(Air Conditioning System) | | |
|
2. |
ฆ่าเชื้อโรคที่พื้นผิวของวัตถุ (Surface Disinfection) ใช้กับการผลิตอาหารและยา ทั้งโดยตรงหรือภาชนะบรรจุ |
|
3. |
ฆ่าเชื้อโรคในของเหลว (Liquid Disinfection) ใช้ในการผลิตนํ้าดื่ม, นํ้าผลไม้, นํ้าเลี้ยงปลา, นํ้าในสระว่ายนํ้า | | | |
การประยุกต์ใช้งาน (Applications) |
|
1. |
สถาน ที่สาธารณะ ที่มีคนอยู่เป็นจำนวนมากหรืออยู่เป็นเวลานาน เช่นห้องเรียน, ค่ายทหาร, โรงภาพยนตร์, หอประชุม, ห้องรับรอง, สำนักงาน ฯลฯ ให้ติดตั้งหลอดUVGI ในท่อฆ่าเชื้อโรคในอากาศ (Air-disinfecting Duct), ท่อปรับสภาพอากาศ (Air-conditioning Duct) |
|
2. |
โรง พยาบาล (Hospital) ตึกคนไข้, ห้องตรวจ, ที่พักคอย, ครัว, ที่เก็บเครื่องมือผ่าตัดและอุปกรณ์ของใช้ต่างๆ อาหารและเครื่องดื่ม (Food and Beverage) ทั้งขั้นตอน ขณะผลิต, บรรจุหีบห่อ, จัดเก็บ หรือส่งสินค้าจำหน่าย |
|
3. |
อุตสาหกรรมการผลิตเวชภัณฑ์ (Pharmaceutical Industry) รวมถึง สารปฏิชีวนะ ยา และเครื่องสำอาง |
|
4. |
ห้องครัว (Kitchen) ในตู้เย็น |
|
5. |
การป้องกันสัตว์ป่วย (Animal Protection) ใช้กับเรือนปศุสัตว์, คอก, ฟาร์ม, เล้า, กรงขัง รวมไปถึงสวนสัตว์ได้ |
|
6. |
อุปกรณ์สำ หรับการบรรจุหีบห่อ (Packaging Material) และการปิดผนึก(Sealing) |
|
7. |
ห้องทดลอง (Laboratory) และเครื่องมือทดลองต่างๆ |
|
8. |
Water Purification เช่น Drinking Water, Aquarium, Swimming Pools, Supplementing Chlorination | | | | |
คุณสมบัติที่ดีของเครื่องฆ่าเชื้อโรคในน้ำด้วยแสงยูวี |
|
|
แสงยูวีควรมีความยาวคลื่น 253.7 nm และมีความเข้มข้นไม่น้อยกว่า 16,000 ไมโครวัตต์-วินาที/ตร.ซม. ที่ตำแหน่งต่างๆภายในห้องฆ่าเชื้อ |
|
|
น้ำที่จะให้แสงยูวีส่องผ่านเข้าไปฆ่าเชื้อต้องไม่ลึกกว่า 7.5 ซม. |
|
|
ตัว หลอดไฟยูวีควรสร้างขึ้นจาก QUARTZ หรือแก้วที่มีซิลิกาสูง ทั้งนี้เพื่อให้มีการดูดกลืนแสงยูวีเกิดขึ้นน้อยที่สุด นอกจากนี้อุณหภูมิทำงานของหลอดแสงยูวีควรสูงประมาณ 105 °F |
|
|
ก่อน ใช้เครื่องยูวีต้องอุ่นเครื่องประมาณ 2 นาที ดังนั้นจึงต้องมีอุปกรณ์หน่วงเวลามิให้น้ำไหลเข้าเครื่องใน ระหว่างเวลาอุ่นเครื่อง ทั้งนี้เพื่อมิให้มีการผลิตน้ำที่ยังไม่ได้ฆ่าเชื้อผ่านออกจากเครื่องยูวีใน ระหว่างที่เครื่องยังไม่ทำงาน |
|
|
ต้อง มีอุปกรณ์ทำความสะอาดผิวนอก (ด้านที่สัมผัสกับน้ำ) ของหลอดยูวีอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันมิให้สิ่งสกปรกมาเคลือบหลอดยูวี จนทำให้การฆ่าเชื้อโรคไม่เกิดผล |
|
|
ควรมีระบบสัญญาณเตือนให้รู้ถึงความผิดปกติของเครื่องฆ่าเชื้อ |
|
|
วัสดุที่ใช้สร้างเครื่องยูวี ต้องไม่ทำให้น้ำเป็นพิษทั้งโดยทางตรงและอ้อม |
|
|
เครื่องยูวีต้องไม่ทำให้ผู้ใช้ได้รับอันตรายเนื่องจากสัมผัสกับแสงยูวีมากเกินไป หรือเนื่องจากไฟฟ้าช็อต หรืออื่นๆ |
|
|
แแสง ยูวีฆ่าเชื้อโรคในน้ำได้ก็ต่อเมื่อแสงสัมผัสกับเชื้อโรค ดังนั้นน้ำต้องปราศจากความขุ่นหรือสี ความขุ่นหรือสิ่งสกปรกสามารถเกาะจับบนหลอดแสงยูวี และทำให้แสงยูวีไม่สามารถส่องผ่านได้ตลอดความลึก | | | | | |